กิจการที่หยุดดำเนินการตามคำสั่งของรัฐฯ จากวิกฤต COVID-19 ลูกจ้างมีสิทธิได้รับเงินชดเชย

การเหตุการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ทำให้รัฐบาลได้มีการประกาศให้กิจการบางประเภทที่เป็นสถานที่เสี่ยงหยุดประกอบกิจการเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่ 22 มีนาคม 2563 ถึง 12 เมษายน 2563 ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจากการหยุดกิจการทำให้ขาดรายได้ สามารถใช้สิทธิในฐานะคนว่างงานเพื่อรับเงินชดเชยจากสำนักงานประกันสังคมได้

ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบจะต้องไปลงทะเบียนใช้สิทธิกรณีว่างงาน ภายใน 30 วัน หลังจากถูกเลิกจ้าง โดยจะได้รับเงินชดเชยร้อยละ 50 ของค่าจ้างที่เคยได้รับในระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. ว่างงาน ด้วยเหตุสุดวิสัย

  • ไม่ได้ทำงาน หรือนายจ้างไม่ให้ทำงาน จ่าย 50% เป็นระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน
  • หน่วยงานภาครัฐ มีคำสั่งให้หยุดกิจการชั่วคราว จ่าย 50% เป็นระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน

2. ว่างงาน จากการลาออกหรือเลิกจ้าง

  • ว่างงาน จากการลาออก จ่าย 45% เป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน
  • ว่างงาน จากกรณีเลิกจ้าง จ่าย 70% เป็นระยะเวลาไม่เกิน 200 วัน

โดยผู้ประกันตนที่จะต้องนำส่งเงินสมทบประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน จึงจะได้รับสิทธินี้ ลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบลงทะเบียนใช้สิทธิกรณีว่างงาน ได้ที่ : https://empui.doe.go.th


#โปรแกรมบัญชี #EASYACC

การกำหนดระยะการระบาดของโรคติดต่อ

จากข่าวการที่มีผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 และมีการระบาดในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก คนไทยเองที่เดินทางไปต่างประเทศบางคนก็ติดเชื้อกลับมา จนกระทั่งหน่วยงานรัฐต้องประกาศให้ประเทศไทยเข้าสู่ระยะของการระบาดเป็นระยะที่ 2 ซึ่งการตั้งระดับของโรคระบาดนี้ เป็นการให้เรารู้ตัวว่าตอนนี้ประเทศเรามีความรุนแรงของการระบาดในระดับใด จะได้ระมัดระวังและดูแลสุขภาพตัวเองให้ปลอดภัยจากโรคนี้ได้

ระยะที่ 1 : ผู้เดินทางจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดเดินทางเข้ามาในประเทศไทย และล้มป่วยลงด้วยโรคโควิด-19 ซึ่งในระยะนี้ ทางภาครัฐจะทำการคัดกรองที่สนามบิน เพื่อตรวจหาผู้ป่วยที่มีเกณฑ์ติดเชื้อ แต่เจ้าหน้าที่จะไม่สามารถคัดกรองได้ทั้งหมด 100% เนื่องจากผู้เดินทางบางรายยังไม่แสดงอาการ และในระยะนี้ จำนวนผู้ป่วยจะยังมีไม่มาก

ระยะที่ 2 : เมื่อผู้เดินทางบางรายติดเชื้อมาแล้ว แต่ไม่แสดงอาการในช่วงแรก จนสามารถผ่านจุดคัดกรองที่สนามบินมาได้ จากนั้น ผู้เดินทางได้แพร่เชื้อให้กับคนไทย เช่น แท็กซี่, ไกด์, พนักงานบริการประเภทต่างๆ

ในระยะนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะทราบที่มาของการแพร่โรคว่า ผู้ป่วยติดเชื้อมาจากใคร, ผู้ป่วยเดินทางไปที่ไหนมา และผู้ป่วยมีความเกี่ยวพันกับคนที่มาจากกลุ่มประเทศเสี่ยงหรือไม่

ระยะที่ 3 : เมื่อทางภาครัฐพบว่า มีผู้ป่วยติดเชื้อภายในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ป่วยกลุ่มที่เพิ่มจำนวนขึ้นนี้ ไม่ได้มีประวัติเดินทางไปในประเทศกลุ่มเสี่ยง และไม่สามารถสืบค้นได้ว่า ผู้ป่วยติดเชื้อมาจากใคร

ทั้งนี้ จำนวนผู้ป่วยจะสูงขึ้น หรือลดลงนั้น ขึ้นอยู่กับประเทศนั้นๆ ว่าจะมีมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่เชื้อทั้งในส่วนบุคคลและสาธารณะได้เพียงพอหรือไม่