ขึ้นทะเบียนขอเป็นผู้ประกอบการบัญชีชุดเดียว รับสิทธิประโยชน์สำหรับ SMEs

ecacc_590120_002

SMEs ที่ขึ้นทะเบียนขอเป็นผู้ประกอบการบัญชีชุดเดียว จะได้รับสิทธิพิเศษด้านภาษี ถึง 15 มีนาคม 2559 นี้เท่านั้น ตามที่ได้มีประกาศพระราชกำหนดการยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากร ตามประมวลรัษฎากร พ.ศ.2558 และพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรา และยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 595) พ.ศ. 2558 ผู้ประกอบการสามารถลงทะเบียนและได้รับสิทธิประโยชน์ ยกเว้นเงินได้ 300,000 บาทแรก ได้รับการยกเว้นภาษีนิติบุคคลในปี 2559 และลดภาษีนิติบุคคลเหลือ 10% ในปี 2560

สรุปคำชี้แจงสิทธิประโยชน์ของ SMEs ที่จัดทำบัญชีสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ (บัญชีเล่มเดียว)

1. SMEs ที่ตั้งขึ้นก่อน 1 มกราคม 2559 ซึ่งมีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสินค้าและให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30ล้านบาท โดยต้องจดแจ้งเป็นผู้ประกอบการจัดทำบัญชีสอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการ (บัญชีเล่มเดียว) นอกจากจะได้รับการยกเว้นจากการตรวจสอบย้อนหลังแล้ว ยังมีสิทธิได้รับการยกเว้นและลดอัตราภาษีตาม พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 595) พ.ศ. 2558 ดังนี้

(1) ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับกำไรสุทธิ ดังนี้

(ก) กำไรสุทธิสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2559 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2559
(ข) กำไรสุทธิเฉพาะส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาทแรก สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2560 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2560

(2) ได้รับการลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล และคงจัดเก็บในอัตราร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิ เฉพาะส่วนที่เกิน 300,000 บาทขึ้นไป สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2560 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธันวาคม 2560

ตัวอย่าง
(ก) รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 ม.ค. 2558 – 31 ธ.ค. 2558 ได้รับยกเว้นและลดอัตราตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 530) พ.ศ. 2554 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (อยู่ระหว่างการแก้ไขที่กฤษฎีกา : ลดอัตราเหลือร้อยละ 10 ส่วนที่เกิน 300,000 บาท ปี 58 – 59 สองรอบระยะเวลาบัญชี)
(ข) รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 ม.ค. 2559 – 31 ธ.ค. 2559 ได้รับยกเว้นสำหรับกำไรสุทธิทั้งจำนวน
(ค) รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 ม.ค. 2560 – 31 ธ.ค. 2560 ได้รับยกเว้นสำหรับกำไรสุทธิส่วนที่ไม่เกิน 300,000 บาท และสำหรับกำไรสุทธิส่วนที่เกิน 300,000 บาทขึ้นไป เสียภาษีในอัตราร้อยละ 10

2. SMEs ที่ได้รับยกเว้นและลดอัตราตาม 1. จะต้อง

(1) มีทุนที่ชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาทและรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท
(2) ไม่ถูกเพิกถอนการยกเว้นจากการตรวจสอบย้อนหลังตามพระราชกำหนด

ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซด์ของกรมสรรพากร ตั้งแต่ 15 มกราคม 2559 – 15 มีนาคม 2559

คลิก https://edss.sys.rd.go.th/sme/

SME มาขึ้นทะเบียนทำบัญชีถูกต้อง ไม่โดนสอบภาษีย้อนหลัง เริ่ม 1 ม.ค.59

ecacc_590104

ของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลมอบให้กับ SME โดยให้บริษัท ห้าง ร้าน ที่สนใจไปขึ้นทะเบียนไว้กับกรมสรรพากรว่าจะทำบัญชีอย่างถูกต้อง โปร่งใส ก็จะได้รับการยกเว้นการตรวจสอบรายการค้าที่เกิดขึ้นก่อน 1 มกราคม 2559 และเริ่มบันทึกรายการอย่างถูกต้องตั้งแต่ 1 มกราคม 2559 เป็นต้นไปจะไม่มีการตรวจสอบภาษีย้อนหลัง โดย พรก.ฉบับนี้มีผลเฉพาะกิจการที่มีรายได้ไม่เกิน 500 ล้านบาทต่อปี

รัฐบาลได้ออก พระราชกําหนดยกเว้นและสนับสนุนการปฏิบัติการเกี่ยวกับภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร พ.ศ. 2558 เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกําหนดฉบับนี้ เพื่อให้ระบบการจัดเก็บภาษีเงินได้สําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเกิดประสิทธิภาพมากขึ้น และเป็นการสนับสนุนให้มีการจัดทําบัญชีให้สอดคล้องกับสภาพข้อเท็จจริงของกิจการ ซึ่งหากไม่ดําเนินการโดยเร่งด่วน จะส่งผลให้รัฐต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีอันจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบกับเป็นกฎหมายเกี่ยวด้วยภาษีอากรที่ต้องพิจารณาโดยด่วนและลับ จึงจําเป็นต้องตราพระราชกําหนดนี้

บริษัทหรือห้างนิติบุคคลที่มีสิทธิได้รับการยกเว้นจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้

มาตรา ๔ ให้บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ซึ่งมีรายได้ไม่เกินห้าร้อยล้านบาทที่เกิดขึ้น ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ผ่านมาและมีกําหนดครบสิบสองเดือน โดยวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุด ก่อนหรือในวันที่ ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ได้รับยกเว้นจากการตรวจสอบ ไต่สวน ประเมินหรือสั่งให้ เสียภาษีอากร และความผิดทางอาญาตามประมวลรัษฎากร สําหรับรายได้ที่เกิดขึ้นในรอบระยะเวลาบัญชี ที่มีวันเริ่มต้นก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ หรือมูลค่าของฐานภาษี รายรับ หรือการกระทํา ตราสารที่เกิดขึ้นก่อนวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙

และจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้

มาตรา ๖ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จะได้รับการยกเว้นตามมาตรา ๔ ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขดังต่อไปนี้

(๑) ทําการจดแจ้งต่อกรมสรรพากร ว่าเป็นผู้ได้รับยกเว้นตามพระราชกําหนดนี้ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และภายในเวลาที่อธิบดีกรมสรรพากรประกาศกําหนด

(๒) ยื่นรายการในการคํานวณภาษีเงินได้สําหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล พร้อมชําระภาษี สําหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่มีวันสุดท้ายแห่งกําหนดเวลาในการยื่นรายการ ในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป

(๓) ยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีธุรกิจเฉพาะ แล้วแต่กรณี ในกรณีบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลมีหน้าที่ต้องยื่นตามที่ประมวลรัษฎากรบัญญัติไว้ พร้อมชําระภาษี ถ้ามี ทั้งนี้ สําหรับการยื่นแบบแสดงรายการที่ต้องกระทําในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป

(๔) ยื่นแบบขอเสียอากรเป็นตัวเงิน สําหรับตราสารที่อธิบดีกรมสรรพากรกําหนดให้ชําระอากร เป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์อากร และต้องชําระเงินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อากรแสตมป์ตั้งแต่เดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป

(๕) มีการจัดทําบัญชีและงบการเงินให้สอดคล้องกับสภาพที่แท้จริงของกิจการตั้งแต่ รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ ๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๙ เป็นต้นไป

(๖) ไม่กระทําการใด ๆ ที่เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีอากร นับแต่วันที่พระราชกําหนดนี้ใช้บังคับ

พรก.ฉบับนี้ไม่ได้มีผลกับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลทั้งหมด มีข้อยกเว้นในกรณีดังต่อไปนี้

(๑) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอยู่ระหว่างการตรวจสอบภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร โดยมีหมายเรียกที่ออกก่อนวันที่พระราชกําหนดนี้ใช้บังคับ

(๒) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าพนักงานประเมิน ตามมาตรา ๘๘/๓ แห่งประมวลรษฎากร ั ที่ดําเนินการก่อนวันที่พระราชกําหนดนี้ใช้บังคับ

(๓) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นผู้ออกใบกํากับภาษีปลอมหรือเป็นผู้ใช้ใบกํากับภาษีปลอม หรือบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลกระทําการหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร โดยแสดงรายจ่ายอันเป็นเท็จ ต่อกรมสรรพากร

(๔) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลอยู่ในระหว่างการดําเนินคดีในชั้นพนักงานสอบสวน ชั้นพนักงานอัยการ หรือชั้นศาล

พรก.ฉบับนี้ได้ประกาศใช้ในพระราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2559 แล้ว สามารถดูข้อมูลโดยละเอียดได้ตามลิงค์นี้

http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/A/001/1.PDF

จริงๆ แล้วการทำบัญชีให้ถูกต้องนั้นง่ายกว่าการที่จะหลบเลี่ยงภาษี เพราะการบันทึกรายการจะต้องมีเอกสารอ้างอิงซึ่งมีที่มาที่ไปชัดเจนจึงจะบันทึกรายการได้ แต่การหลีกเลี่ยงภาษีจะต้องสร้างหลักฐานเอกสารเหล่านั้นขึ้นมาเอง ถ้ามีการตรวจยันรายการก็จะพบได้ทันที