ก่อนอื่นเรามาทราบความหมายของคำว่า Defragment กันก่อน คำว่า Fragment แปลว่า แยกออกเป็นส่วนๆ เมื่อเติม de- เข้าไปข้างหน้า Defragment จึงหมายถึงการทำให้ไม่แยกเป็นส่วนๆ หรือการจับมารวมกันนั่นเอง

การทำ Disk Defragment มีความสำคัญหรือความจำเป็นอย่างไร สามารถอธิบายได้ด้วยภาพจำลองดังต่อไปนี้

1. ภาพแรก สมมุติว่าเป็นพื้นที่ว่างบนฮาร์ดดิสก์ใหม่ๆ (เป็นภาพประกอบเพื่อความเข้าใจเท่านั้น)

Name:  defrag_1.png
Views: 10385
Size:  790 Bytes

2. ต่อมามีการเพิ่มไฟล์เข้าไป อาจจะเป็นไฟล์โปรแกรม เอกสาร วิดีโอ รูปภาพ ฯลฯ โดยในการเพิ่มจะเรียงต่อเนื่องกันไป ที่เห็นเป็นส่วนสีฟ้า

Name:  defrag_2.png
Views: 10435
Size:  3.5 KB

3. หลังจากนั้น เมื่อมีการใช้งานไปเรื่อยๆ ก็อาจจะต้องมีการลบไฟล์ที่ไม่ต้องการออกไป จะเห็นเป็นช่องว่างเกิดขึ้น

Name:  defrag_3.png
Views: 8487
Size:  4.0 KB

4. สมมุติว่ามีไฟล์ข้อมูลหรืออาจจะเป็นโปรแกรมขนาดใหญ่ที่กำลังจะถูกเพิ่มเข้าไป ไฟล์นั้นก็จะถูกเขียนลงในตำแหน่งที่ว่าง สังเกตส่วนที่เป็นสีแดงครับ นั่นคือไฟล์ที่ถูกเพิ่มเข้าไป

Name:  defrag_4.png
Views: 8518
Size:  4.0 KB

5. การ Defragment จะทำการจัดเรียงไฟล์ที่ถูกเขียนอย่างกระจัดกระจาย ให้เรียงต่อเนื่องกัน

Name:  defrag_5.png
Views: 8144
Size:  3.4 KB

ถามว่า ทำไมการทำให้ไฟล์เรียงต่อเนื่องกันถึงเป็นสิ่งจำเป็น? นั่นก็เพราะฮาร์ดดิสก์ที่เราใช้กันมีกลไกหรือที่เรียกว่าหัวอ่านครับ มันจะเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งต่างๆ ที่ต้องการ หากไฟล์ที่จะอ่านนั้นอยู่กระจัดกระจาย เท่ากับว่าหัวอ่านต้องย้ายไปมาหลายตำแหน่ง แทนที่จะอ่านจากตำแหน่งเดียวต่อเนื่อง

บางท่านอาจจะสงสัยว่า แล้วถ้าเป็นพวก Flash Memory (USB Flash Drive, Thumb Drive, Memory Card ฯลฯ) รวมทั้งฮาร์ดดิสก์แบบใหม่ที่เรียกว่า SSD ซึ่งมีส่วนประกอบหรือลักษณะเหมือนหน่วยความจำ ไม่มีกลไกหรือหัวอ่าน จำเป็นต้องทำ Disk Defragment หรือไม่ คำตอบคือ ไม่ต้องครับ โปรแกรม Disk Defragment ใช้สำหรับฮาร์ดดิสก์ประเภทมีหัวอ่านเท่านั้น

Name:  defrag.png
Views: 8320
Size:  43.0 KB

สำหรับใครที่ยังไม่เคยทำ Disk Defragment มาก่อน ลองทำดูนะครับ เครื่องของท่านจะทำงานได้เร็วขึ้นจนสังเกตได้อย่างชัดเจน